Loading...


รีวิวการทดลองใช้ดร.วีทกราส(Dr.Wheatgrass)กับความกระวนกระวายและสภาวะทางอารมณ์


-





PDF ดูรายละเอียด.pdf


Anxiety & mood

?         Ask Dr. Chris about anxiety mood

 

Anxiety & mood รีวิวการทดลองใช้ดร.วีทกราส(Dr.Wheatgrass)กับความกระวนกระวายและสภาวะทางอารมณ์  

?         Ask Dr. Chris about anxiety mood ถามดร.คริสเกี่ยวกับความกระวนกระวายและสภาวะทางอารมณ์

ที่ฉันเขียนมาเพราะอยากขอบคุณสำหรับผลิตภัณฑ์และเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการรักษาโรคต่างๆที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

ฉันให้ลูกตัวน้อยของฉันทานซูเปอร์ช็อตส์และสเปรย์วีทกราสมาประมาณ 6 สัปดาห์แล้ว ผิวหนังของเธอดีกว่าเดิม ถึง เท่า เธอยังคงเป็นผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบบ้างแต่มันก็ไม่รบกวนเธอมากนะ เธอหลับได้ตลอดทั้งคืน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอมีความสุขขึ้นอย่างมาก อารมณ์ของเธอดีขึ้น ซึ่งเดิมเธอเคยเป็นเด็กซึมเศร้าและเกรี้ยวกราดเหมือนหมีกริซลี่ในบางเวลา แต่ตอนนี้เธอเข้ากับผู้อื่นง่ายขึ้นและมีความสุขตลอดเวลา

A. ออสเตรเลีย. 8 กุมภาพันธ์, 2009

 

สวัสดีดร.คริส ฉันสงสัยว่าคุณรู้หรือไม่ว่าทำไมคลอโรฟิลล์จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการกระวนกระวายและเพิ่มความตั้งใจได้ มันอาจเป็นสิ่งบังเอิญที่ฉันพบฤทธิ์ในการรักษาโรคของคลอโรฟิลล์ฉันเจอแหล่งอ้างอิงถึงคลอโรฟิลล์มากมายเช่น (วีทกราสคลอเรลล่า) ในหนังสือที่เกี่ยวกับการอดอาหาร ฉันเริ่มอดอาหาร (มาสเตอร์คลีน) และเพิ่มการดื่มคลอโรฟิลล์ในมื้อเช้า ฉันรู้สึกทึ่งมากสำหรับความรู้สึกผ่อนคลายที่ฉันไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันมีสมาธิมากขึ้น และฉันเริ่มทานแคปซูลเมกาคลอโรฟิลล์100 มิลลิกรัมที่ผลิตโดยบริษัทเวิลด์ออแกนิควันละ ครั้ง  ฉันเป็นโรคไบโพลาร์และโรคสมาธิสั้นแต่ เพราะผลิตภัณฑ์ของคุณทำให้ฉันส่งงานทุกอย่างที่ครูมอบหมายให้ทันเวลา 100% และตอนนี้ฉันก็ได้ทานคลอโรฟิลล์มาประมาณ ปีแล้ว แม่ของฉันก็ทดลองทานด้วยเช่นกัน (เธอเป็นโรควิตกกังวล) มันช่วยลดความกระวนกระวายใจของเธอได้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามีการศึกษาหรือแหล่งอ้างอิงไหมที่แสดงให้เห็นว่าโคโรฟิวสามารถรักษาอาการกระวนกระวายได้ ฉันคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีงานวิจัยที่ปรึกษาด้านนี้ ขอบคุณมาก

K. 28 พฤศจิกายน, 2008

ฉันทานซูเปอร์ช็อตส์มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว และได้พูดให้ครอบครัวรวมถึงเพื่อนของฉันทราบว่าฉันรู้สึกดีมากขึ้นแค่ไหน ตั้งแต่ฉันทานซูเปอร์ช็อตส์ทำให้ฉันได้ข้อสรุปว่ามันเป็นสูตรอาหารเสริมที่วิเศษมาก ฉันจะเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื่อสัตย์ต่อคุณ และฉันไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีผลิตภัณฑ์ของคุณ

 


 

การวิเคราะห์ระดับเซลล์โดยการ เทคโนโลยีด้านดีเอ็นเอเพื่อหาฤทธิ์ที่จำเพาะทางชีวภาพของสารสกัดวีทกราส

A DNA-technology-based cellular assay used to measure specific biological activity in a wheatgrass extract.

การวิเคราะห์ระดับเซลล์โดยการ เทคโนโลยีด้านดีเอ็นเอเพื่อหาฤทธิ์ที่จำเพาะทางชีวภาพของสารสกัดวีทกราส

โดยดรคริส เรโนลด์ M.B.,B.S. (Email) ตั้งแต่ปี 1930 ก็มีการนำวีทกราสและซีเรียลกราสอื่นๆ มาศึกษาถึงผลการรักษาทางคลินิกต่างๆ ตัวอย่าง เช่น การศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการทานคลอโรฟิลล์ที่ได้มาจากกราสชนิดต่างๆ ช่วยทำให้โรคโลหิตจางของสัตว์ทดลองมีอาการดีขึ้น หลังจากนั้นก็มีการศึกษาต่อมาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ที่แสดงให้เห็นผลการรักษาที่ดีของกราสต่างๆ ต่อแผลที่มีหนอง แผลไฟไหม้ มะเร็งตับ แผลเรื้อรังที่ลำไส้และโรคอื่นอีกมากมาย ตามประสบการณ์ของฉันซึ่งรักษาผู้ป่วยและประสบความสำเร็จอย่างมากมายมาตั้งแต่ปี 1995 ผลการรักษานี้เป็นหลักฐานสนับสนุนที่ดีสารสกัดวีทกราสสามารถรักษาอาการต่างๆได้เป็นอย่างดี ในเดือนสิงหาคม 2004 กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเลือด ดรอาร์ เค มาร์วาฮา และผู้ร่วมงาน ที่ศูนย์ Advanced Pediatric Centre, Postgraduate Institute of Medical Education and Research, Chandigarh, ประเทศอินเดีย ได้ตีพิมพ์บทความใน Indian Pediatrics ชื่อหัวข้อว่า

?น้ำคั้นสดวีทกราสช่วยลดความจำเป็นในการถ่ายเลือดของผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียเมเจอร์ การศึกษาแบบนำร่อง?

ศึกษาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2000 ถึง พฤษภาคม 2003 มีผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ป่วยทาลัสซีเมียที่ต้องได้รับการถ่ายเลือด 16 คน จาก 38 คนหรือ (42%)เข้าร่วมการศึกษาจนถึงการวิเคราะห์ผลในช่วงสุดท้าย

สรุปผลจากการรับประทานน้ำคั้นวีทกราส

?       ผู้เข้าร่วมการศึกษาทุกคนมีความต้องการถ่ายเลือดที่ลดลง (จาก 0.4 ถึง 43%)

?       50% มีความต้องการถ่ายเลือดที่ลดลงอย่างน้อย 25%

?       ค่าเฉลี่ยของระยะเวลาที่ไม่ต้องรับการถ่ายเลือดเพิ่มขึ้น 29.5%

?       ระดับของฮีโมโกลบินไม่ได้ลดลงตามปริมาณการได้รับการถ่ายเลือดที่ลดลง

ดรอาร์ เค มาร์วาฮาสรุปว่าน้ำคั้นจากวีทกราสช่วยลดความต้องการถ่ายเลือดของผู้ป่วยทาลัสซีเมียได้ แต่เขาไม่ได้ศึกษากลไกการออกฤทธิ์ของวีทกราสในผู้ป่วยทาลัสซีเมียที่ต้องได้รับการถ่ายเลือด แค่เสนอแนวความคิดว่าคลอโรฟิลล์น่าจะเพิ่มการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งฉันก็สนับสนุนว่าคลอโรฟิลล์มีหน้าที่มากกว่าการสังเคราะห์แสง อย่างไรก็ตามฉันมองว่ามันง่ายเกินไปที่จะสรุปผลเช่นนั้นเพราะฉันคิดว่าคลอโรฟิลล์มีหน้าที่ช่วยสังเคราะห์แสงในพืชทั้งนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการในร่างกายมนุษย์

ต่อมามีกลุ่มงานวิจัยที่ชื่อว่า The Cell & Gene Therapy Research Group P ที่สถาบันวิจัย The Murdoch Children?s Research Institute, Royal Children?s Hospital, เมลเบิร์น  หัวหน้าผู้วิจัยคือผู้วิจัยด้านธาลัสซีเมียที่มีชื่อเสียงมาก Professor Panos Ioannou เขาวิจัยและพัฒนาโครโมโซมเทียมจากโครงการการศึกษาจีโนมในมนุษย์

ในเดือนพฤษภาคมหลังจากที่ Prof. Ioannou อ่านบทความของ Dr. Marwaha แล้วเขาจึงติดต่อฉันมาและพูดว่าพวกเรากำลังพัฒนาวิธีวิเคราะห์ที่จำเพาะต่อการเหนี่ยวนำการสร้างฟีตัลฮีโมโกลบิน (การวิเคราะห์นี้จะตรวจสอบการผลิตฟีตัลฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงของมนุษย์โดยใช้ยีนที่ติดสารที่สามารถปล่อยแสงฟลูออเรสเซนต์แทนที่เข้าไปในยีนของฟีตัลฮีโมโกลบินเพื่อค้นหาสารที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในการรักษาโรคทาลัสซีเมีย จากการรายงานของการรักษาธาลัสซีเมียด้วยน้ำคั้นสดวีทกราสของ (การศึกษาแบบนำร่องของดรมาร์วาฮาเราจึงต้องการสารสกัดวีทกราสของคุณมาใช้ทดสอบว่ามันจะสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างฟีตัลฮีโมโกลบินมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่

เป็นที่ทราบกันดีว่าฟีตัล ฮีโมโกลบินมีความสามารถในการจับกับออกซิเจนสูงกว่าฮีโมโกลบินจากผู้ใหญ่ พบว่าการกระตุ้นหรือเหนี่ยวนำการสร้างฟีตัล ฮีโมโกลบินจะทำให้อาการของผู้ป่วยโรคทาลัสซีเมียดีขึ้นได้ เนื่องจากความเข้มข้นของออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นในหลอดเลือดแดง แม้ว่าจะมียาฉีดเข้าหลอดเลือดดำที่สามารถทำให้เกิดผลได้เช่นเดียวกัน อาทิ ไฮดรอกซียูเรีย แต่มันก็มีราคาแพงและไม่จำเพาะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์และกดการทำงานของไขกระดูกได้ Professor Ioannou ได้ทำการทดสอบสารสกัดวีทกราสในการเหนี่ยวนำการสร้างฟีตัล ฮีโมโกลบินในเซลล์ของมนุษย์ 3 ชนิด เขารายงานผลการศึกษาวันที่ 5 ของเขาซึ่งพบว่าสารสกัดวีทกราสทำให้ฟีตัล ฮีโมโกลบินเพิ่มมากขึ้น 3-5 เท่า มีนัยสำคัญเพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าทำไมผู้ป่วยทาลัสซีเมียจึงมีผลการรักษาที่ดีหลังจากได้รับวีทกราส และแน่นอนว่าผลการศึกษาในหลอดทดลองย่อมเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับผลการศึกษาในผู้ป่วยจริง อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของ ดรมาร์วาฮาว่าวีทกราสช่วยลดความจำเป็นในการถ่ายเลือดของผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียโดยไม่ได้วัดระดับของฟีตัลฮีโมโกลบิน ดังนั้นการค้นพบของ Prof. Ioannou อาจสรุปได้ว่าวีทกราสช่วยแนะนำให้เกิดการสร้างฟีตัลฮีโมโกลบินได้และเนื่องจากคลอโรฟิลล์ถูกกำจัดออกไประหว่างกระบวนการสกัดให้ได้เป็นสารสกัดวีทกราส คำถามที่ว่าสารที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพในสารสกัดที่แท้จริงและให้ผลการรักษาในหลอดทดลองคืออะไรกันแน่ แต่ความหวังที่ได้จากการศึกษานี้คือการทานน้ำคั้นสดวีทกราสจะช่วยให้ผลการรักษาทางคลินิกของผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียดีขึ้นและเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนวีทกราสช่วยเหนียวนำให้เกิดการสร้างฟีตัลฮีโมโกลบินในหลอดทดลอง จึงนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วยธาลัสซีเมีย-โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ด้อยพัฒนาซึ่งขาดเทคโนโลยีและเงินทุนสนับสนุนการรักษา การวิเคราะห์ระดับเซลล์ของ Prof. Ioannou สามารถวิเคราะห์ฤทธิ์ทางชีวภาพที่จำเพาะของสารสกัดจากสมุนไพรซึ่งเป็นวิธีที่มีความถูกต้องและแม่นยำสูงกว่าวิธีอื่น ระดับและความเร็วของการเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างฟีตัลฮ๊โมโกลบินโดยสารสกัด วีทกราสตามที่ Prof. Ioannou กล่าวไว้สูงกว่ายาที่วางขายในท้องตลาดทุกวันนี้ นอกจากนี้มันยังมีความปลอดภัย ราคาไม่แพงและผู้ป่วยรับประทานได้ง่าย การศึกษาระดับเซลล์ของเขาจึงเป็นวิธีที่ช่วยเปิดเผยฤทธิืทางชีวภาพของสารสกัดวีทกราสและเป็นแนวทางการรักษาโรคธาลัสซีเมียที่น่าจะเป็นไปได้ในอนาคต 

 

แหล่งอ้างอิง:

1. Kirkman, N.F. 1939. The effect of low-porphyrin diet on erythropoiesis and hemoglobin regeneration. J Physiol 95:508-515 2. Kelentei, B., Fekete, I., Kun, F. 1958. Influence of copper chlorophyllin on experimental anemia. Acta Pharm Hung 28:176-180 3. Borisenko, A.N., Sofonova, A.D. 1965. Hemopoietic effect of Na chlorophyllin. Vrach Delo 9:44-46 4. Gruskin, B. Chlorophyll ? its therapeutic place in acute and suppurative disease. 1940. American Journal of Surgery. 5. Collings, G. 1945. Chlorophyll and adrenal cortical extract in the local treatment of burns. American Journal of Surgery 70:58- 63. 6. Egner, P.A., Munoz, A., Kensler, T.W. 2003. Chemoprevention with chlorophyllin in individuals exposed to dietary aflatoxin. Mutat Res. 2003 Feb-Mar;523-524:209-16. 7. Ben-Ayre, E., Goldin, E., Wengrower, D., Stamper, A., Kohn, R., Berry , E. 2002. Wheat grass juice 2 in the treatment of active distal ulcerative colitis: a randomized double-blind placebo-controlled trial. Scand J Gastroenterol 2002;37:444-449 8. Marwaha, R. K. et al 2004. Wheat grass juice reduces transfusion requirement in patients with thalassemia major: a pilot study. Indian Pediatrics 2004;41:716-720 3


 

วิดีโอ6 ดร.คริสแนะนำการใช้วีทกราสในการรักษาโรคแผลเรื้อรังในปาก

วิดีโอ 6

ดร.คริส เรโนลด์ตอบคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวีทกราสในการรักษาทางคลินิก

1. วีทกราสช่วยรักษาแผลเรื้อรังที่ปากได้หรือไม่

มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างบังเอิญหลังจากที่มีผู้ป่วยโรคนี้เข้ามาหาฉันที่คลินิก เขามีตุ่มร้อนในภายในช่องปากซึ่งมีอาการปวดแสบร้อนมาก และสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วทุกส่วนของปาก ส่วนใหญ่เกิดที่บริเวณช่องปากส่วนหน้า เขาเคยใช้ยามาหลายชนิดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล และหลังจากที่เขาใช้ทานยาแก้ปวด อาการปวดก็จะหายไปในเพียงไม่กี่นาที แต่มันก็เป็นแค่การระงับปวดเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยรักษาโรคนี้ให้หายสนิท ส่วนยาอื่นๆที่ใช้ได้ก็เช่นยาสเตียรอยด์ ตามประสบการณ์ของฉันวีทกราสสามารถรักษาโรคนี้ได้และหายได้อย่างรวดเร็ว และฉันก็ทราบว่าวีทกราสสามารถดูดซึมผ่านเยื่อบุช่องปากและออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังสามารถยับยั้งซับสเตรนท์พีซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณเจ็บปวดไปที่สมอง และวีทกราสก็สามารถยับยั้งการส่งสัญญาณดังกล่าวได้ มียาชนิดอื่นๆ ที่รักษาอาการได้อีก แต่เชื่อฉันเถอะว่าวีทกราสก็รักษาอาการนี้ได้ดีเช่นกัน

2. การรักษาโรคควรใช้วีทกราสในรูปแบบใด

น้ำคั้นสดวีทกราสสามารถใช้ได้ โดยทาลงบนบริเวณที่เป็นแผลเปิดหรือแผลไหม้จากความร้อนและอาการบาดเจ็บอื่นๆ เมื่อย้อนกลับไปหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่คริสตศักราช 1930 มีการใช้น้ำคั้นสดวีทกราสรักษาแผลชนิดต่างๆ ในโรงพยาบาลมากมายและมันก็ให้ผลการรักษาเป็นอย่างดีและประหยัดค่าใช้จ่าย แพทย์หลายท่านก็ใช้วีทกราสในการรักษาโรคต่างๆ ช่วงเวลานั้นจึงมีการใช้วีทกราสในการรักษาโรคต่างๆมากมาย เพราะมันใช้ได้ผลและไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้เลย ผู้ป่วยก็ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี วีทกราสจึงเป็นวิธีมาตรฐานสำหรับการรักษาโรค ณ เวลานั้น

3. วีทกราสมีผลข้างเคียงหรือไม่

บางคนอาจจะท้องเสีย บางคนอาจปวดท้อง อาจเกิดตะคริว ผลข้างเคียงอาจจะเกิดจากการที่ทานวีทกราสมากเกินไปแต่ไม่ได้เกิดจากจากตัวของวีทกราสเอง แต่อาการเหล่านี้พบได้น้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารและวิธีการรักษามาตรฐานในการรักษาอื่นๆ ซึ่งมีผลข้างเคียงมากมายจากยาที่คุณใช้รักษา และบางครั้งคุณก็จะต้องใช้ยาอีกชนิดหนึ่งมารักษาผลข้างเคียงของยาอีกตัวหนึ่ง แนะนำเป็นหลักการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารเคมีและบางครั้งก็ไม่ให้ผลการรักษาที่ดีนัก



แปลจาก www.drwheatgrass.com.au