-
ความรู้พื้นฐาน
นักวิจัยได้อธิบายถึงสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆมากมายของวีทกราสแต่ก็ยังไม่เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของกราสจูสแฟคเตอร์ซึ่งเป็นสารที่พบในซีเรลกราสทุกชนิดรวมถึงพืชต่างๆ
เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี ผักขมและ ไวท์โคลเวอร์
ในซีเรลกราสแฟคเตอร์นี้มีระดับสูงที่สุดเมื่อเป็นต้นอ่อนและลดลงตามอายุของพืช
กราสจูสแฟคเตอร์มีฤทธิ์กระตุ้นการเจริญเติบโตและมีผลดีต่อการเจริญพันธุ์ในสัตว์ทดลอง
การศึกษาหนึ่งพบว่าหมูที่กินซีเรลกราสเป็นอาหารเสริมเป็นเวลา 7
สัปดาห์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้หยุดเกือบทันทีที่เมื่อหมูเปลี่ยนมากินแค่นมที่มีแร่ธาตุแต่ไม่ได้รับซีเรลกราสเป็นอาหารเสริม
และเมื่อให้ซีเรลกราสเป็นอาหารเสริมอีกครั้ง
น้ำหนักก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
การนำไปใช้ทางการแพทย์
ผลจากการศึกษาทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า ?แฟคเตอร์? นี้มีฤทธิ์อย่างสูงในการซ่อมแซมผิวหนังส่วนที่ถูกทำลายและส่งเสริมให้สุขภาพดี
ตั้งแต่ปี 1995 ดร.คริส เรโนลด์
แพทย์ชาวออสเตรเลียและผู้ก่อตั้งบริษัทได้ทราบถึงฤทธิ์รักษาทางการแพทย์ที่กว้างขวางของสารสกัดวีทกราส ได้แก่ ฤทธิ์การสมานแผล รักษาแผลไหม้จากความร้อน กระดูกหัก
การบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน แผลที่ขอบทวารหนัก หูดข้าวสุกและอื่นๆ
การค้นพบต่างๆเหล่านี้ทำให้ดร.เรโนลด์ได้เสนอกลไกทางสรีรวิทยาที่เป็นไปได้ซึ่งอธิบายจากสิ่งที่เขาสังเกตเห็น
ส่วนนักวิจัยอื่นๆ นั้นก็ได้อธิบายถึงฤทธิ์ทางชีวภาพของซีเรลกราสไว้เช่นกันแต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผลการรักษาจึงเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวีทกราสช่วยเพิ่มความสามารถในการรักษาตัวเองของร่างกาย เช่นอาการปวดที่บรรเทาลงอย่างรวดเร็วหลังทาวีทกราสบนแผลไหม้จากความร้อน
และมีการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่มาปกคลุมบริเวณแผลนั้นในตอนกลางคืน
เสมือนเป็นการปิดแผลไม่ให้เชื้อโรคจากอากาศเข้ามาในแผล
จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ การสมานแผลเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่พบภาวะแทรกซ้อน
ลดโอกาสการเกิดแผลเป็น หลังจากการรักษาแผลไหม้จากความร้อนมาเป็นเวลา 25 ปี
เขาจึงไม่ลังเลสงสัยในผลดีของวีทกราสต่อกระบวนการรักษาตัวเองของร่างกายซึ่งคล้ายคลึงกับวิธีการรักษาของนิกายออร์โทดอกซ์
กราสจูสแฟคเตอร์ออกฤทธิ์อย่างไร
บางครั้งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วยก็ถูกกระตุ้นการทำงานหรือมีการทำงานที่รุนแรงขึ้นกว่าปกติ ในกรณีนี้วีทกราสจะช่วยรักษาภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคสิวหน้าแดง
(โรซาเซีย) โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคปลอกประสาทอักเสบ
จากการสังเกตทำให้เขาเชื่อว่าวีทกราสทำหน้าที่เป็นตัวปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน
ส่วนในอีกแง่หนึ่งคือมันจะช่วยให้ร่างกายจัดการกับเนื้อเยื่อที่เสียหายผ่านทางเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการสมานแผลแบบปกติ
แต่ในภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเองซึ่งเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันสูญเสียการทำงานที่เป็นปกติไป
จึงเกิดการต่อต้านเซลล์ในร่างกายตนเอง
งานวิจัยที่เกี่ยวกับซีเรลกราสได้เปิดเผยถึงฤทธิ์การสมานแผลของคลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นโมเลกุลที่น่าสนใจและมีบทบาทสำคัญในการสมานแผล
ในอดีตที่ผ่านมากดร.เรโนลด์ได้สังเกตวีทกราสหลายพันชนิดที่มีฤทธิ์รักษาแผลไหม้จากความร้อน
การสมานแผลทั่วไปและกระดูกหัก และภาวะอื่นๆ
แต่เขาพบว่าไม่มีคลอโรฟิลล์ในสารสกัดที่ใช้ทดสอบเลย!
แล้วอะไรหละที่ทำให้เกิดผลการรักษาเหล่านั้น
ดร.เรโนลด์สงสัยว่ามันจะใช่กราสจูสแฟคเตอร์หรือเปล่า? แล้วสารนี้คืออะไร? แล้วเราจะตรวจสอบสารนี้ได้อย่างไร? ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามทำการศึกษาตั้งแต่ปี
1930
คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือแฟคเตอร์นี้มีผลต่อการทำงานของโกรทแฟคเตอร์
โดยโกรทแฟคเตอร์ในร่างกายนั้นมีหลายชนิดซึ่งเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์
การฟื้นฟู การซ่อมแซมและหน้าที่อื่นๆอีกมากมาย
หน้าที่หลักอย่างหนึ่งคือการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในแต่ละคน
นอกจากนี้ยังช่วยในกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
การผลิตส่วนประกอบของเลือดจากไขกระดูกและเซลล์อื่นๆที่ผลิตเม็ดเลือด
งานวิจัยอื่นๆเสนอว่าวีทกราสส่งผลต่อการแสดงออกของยีนบนดีเอ็นเอซึ่งอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์
โดยมันจะการเร่งอัตราและระดับการผลิตเอนไซม์หรือโปรตีนอื่นๆ
ตัวอย่างการแสดงออกของยีนที่ได้รับอิทธิพลจากวีทกราส
หลายปีที่ผ่านมาที่ห้องปฏิบัติการที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ณ กรุงเมลเบิร์น
ได้ใช้เทคโนโลยีด้านดีเอ็นเอจากโครงการศึกษาจีโนมของมนุษย์มาใช้ในการวิเคราะห์อัตราการสร้างสารชีวโมเลกุลจำเพาะ
(ฟีตัล ฮีโมโกลบิน)
ของสารสกัดจากวีทกราสซึ่งได้ทำการทดสอบเช่นเดียวกันกับสมุนไพรอีกหลายชนิด
แต่สารสกัดจากวีทกราสให้ผลเหนือความคาดหมาย
ความสำคัญของงานวิจัยในครั้งนี้นำมาสู่การค้นพบที่ว่ากราสจูสแฟคเตอร์คืออะไร
และมันน่าจะทำงานอย่างไร (View article ดูบทความ)
ทุกสิ่งที่เคยเก่ากลับมาเป็นสิ่งใหม่อีกครั้ง
ย้อนกลับไปในปี 1940 ใน INK ตามเวบไซต์
"http://drwheatgrass.com/_blog/Wheatgrass_Research/post/Therapeutic_benefits_of_chlorophyll/"
American Journal of Surgery,
โดยนพ. Benjamin
Cruskin เสนอว่าคลอโรฟิลล์สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ได้
ผลการรักษาทางคลินิกของคลอโรฟิลล์คือ กำจัดกลิ่นที่แผล
ระงับการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส สมานแผล กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
รักษาไซนัสอักเสบแบบเรื้อรัง รักษาการอักเสบและการติดเชื้อในหู
ลดการเกิดเส้นเลือดขอด รักษาแผลเปื่อยที่ขา รักษาโรคผิวหนังที่เป็นตุ่มพอง
แผลจากโรคเรื้อน ลดอาการเจ็บที่ทวารหนัก รักษาอาการอักเสบของปากมดลูก
รักษาอาการติดเชื้อพยาธิที่ช่องคลอด รักษาไข้ไทฟอยด์ รักษาโรคเหงือกเป็นหนอง
ดร.คิดว่าผลการรักษาเหล่านี้น่าจะมาจากกราสจูสแฟคเตอร์มากกว่าจะเป็นฤทธิ์จากคลอโรฟิลล์
สามารถคลิกดูความสำคัญทางการแพทย์ของกราสจูสแฟคเตอร์ได้จากบทความของดร.คริสจากลิงค์นี้